ปัดมาสคาร่า ช่วยให้ดวงตาคุณดูสวยขึ้น
เพราะว่าดวงตาเป็นจุดสังเกตแรกของใบหน้าหากแต้มเติมด้วยมาสคาร่า ขนตาจะดูหนาขึ้นและดูเย้ายวนมากขึ้น
สิ่งสำคัญในการเลือกมาสคาร่าคือ ขนตาของตัวคุณเอง ต้องทราบว่าขนตาเป็นแบบใด มีลักษณะใด ถ้าขนตายาวแต่บางก็ควรเลิกมาสคาร่าที่ทำให้ขนตาดูหนาขึ้น เข้มขึ้น (Thickening mascara) หรือขนตามีลักษณะสั้นแต่หนาก็ควรเลือกมาสคาร่าแบบต่อขนตา (Lengthening mascara) ส่วนสีของมาสคาร่านั้นมีหลายเฉดสี แต่ละเฉดสีจะให้ความสวยหรือว่ามิติแตกต่างกันไป ส่วนจะเลือกสีไหนนั้น อันนี้ขอแนะนำว่า ต้องลองเท่านั้นถึงจะรู้ว่าเฉดสีไหนที่เหมาะกับสไตรการแต่งหน้าของเรา ส่วนการเลือกแปรงปัดควรเลือกที่กว้างและหมุนเป็นเกลียว หากมาสคาร่าเป็นแบบต่อขนตาให้ยาว ควรจะเลือกแปรงที่ขนแปลงถี่ๆจะทำให้ปัดได้แม่นยำขึ้น สำหรับคนที่ชอบใช้มาสคาร่ากันน้ำ ต้องระวังเพราะว่ามาสคาร่ากันน้ำทุกยี่ห้อจะมีสารทำละลาย (solvents) ซึ่งจะทำให้ขนตาดูไม่หนาเข้ม และบางทีอาจทำให้ขนตาแห้งกรอบด้วย ซึ่ง ถ้ารู้สึกว่าขนตาเริ่มแห้งกรอบ แนะนำให้ใช้ conditioner บำรุงขนตา หรือลง Primer ก่อนปัด จะทำให้มาสคาร่ากันน้ำติดดีขึ้น
หลังจากเลือกมาสคาร่าได้แล้วก็มีเทคนิคเล็กๆน้อยๆมาฝาก
วิธีหลีกเลี่ยงมาสคาร่าเกาะเป็นก้อน เลอะเวลาปัด คือ เช็ดหรือปาดเนื้อมาสคาร่าส่วนเกินออกจากแปรงปัด จากนั้นอยู่ที่วิธีการปัด คือ ต้องหมุนแปรงปัดให้ครบรอบ จะเลี่ยงการเกาะเป็นก้อนได้ดี และ สิ่งต้องห้าม คือ ปั๊มแปรงมาสคาร่าเข้า-ออกจากแท่ง ก่อนปัด เพราะจริงๆ แล้ว เราจะได้แต่ลมเข้าไปทำให้เนื้อมาสคาร่าแห้งเร็วขึ้น เวลาใช้ก็จะดูเกรอะ เลอะเป็นก้อนหนักขึ้นกว่าเดิมอีก
ที่สำคัญคืออย่าใช้มาสคาร่าร่วมกับคนอื่น แต่ควรเปลี่ยนแท่งใหม่ทุกๆ 3 เดือน เพราะแบคทีเรีย สามารถเจริญเติบโตในหลอดได้
Read More...
Summary only...
ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นหญิง หรือชายเริ่มหันมาเอาใจใส่ดูแลผิวกันทุกคน และครีมบำรุงผิวนั้น เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ผิวดูสดใส เปล่งปลั่ง ซึ่งแต่ละคนมีวิธีการทาครีมที่แตกแต่งกัน วันนี้เราก็จะมาบอกวิธีการทาครีมอย่างถูกวิธีที่จะช่วยทำให้ผิวสวยขึ้นได้มาฝาก
ก่อนการทาครีมบำรุงผิวทุกครั้งต้องทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดก่อน แล้วเลือกปริมาณครีมที่ใช้ให้พอเหมาะ เพราะถ้าใช้ครีมบำรุงผิวน้อยเกินไปก็จะไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร หรือถ้ามากเกินไป ก็จะทำให้ผิวหน้ามันเกินไป และก็เปลืองโดยใช่เหตุ ซึ่งส่วนใหญ่จะประมาณ 1 ข้อมือหรือ 1 ลูกเชอรี่ หรือถ้าเป็นครีมที่มีคุณภาพดีๆ อาจจะใช้น้อยกว่านี้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของครีมบำรุงผิวยี่ห้อนั้นๆ
เริ่มแต้มครีมบำรุงผิวที่บริเวณ 5 จุด ของใบหน้า คือ หน้าผาก จมูก แก้มทั้งสองข้าง และคาง
ใช้นิ้วกลางและนิ้วนาง เกลี่ยให้ทั่วใบหน้า โดยเริ่มจากบริเวณที่กว้างที่สุดก่อน เช่น โหนกแก้ม โดยเริ่มจากส่วนกลางไปยังส่วนข้างๆ โดยทางด้านซ้ายออกซ้าย และทางด้านขวาออกขวา แล้วตามด้วยแนวสันจมูก ใต้โพรงจมูก คาง และหน้าผาก โดยเว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ เพราะอาจจะต้องใช้ครีมชนิดเฉพาะรอบดวงตาทาแทน
การลงน้ำหนักนิ้ว ควรจะเบาที่สุด เพราะผิวหน้าเป็นผิวที่บอบบาง ถ้าลงน้ำหนัก แรงเกินไป อาจจะทำให้เกิดรอยย่นได้
การทาครีมรอบดวงตา ควรใช้ปริมาณเนื้อครีมประมาณ 1 เมล็ดถั่วเขียว แล้วใช้นิ้วนางเพียงนิ้วเดียวในการทา เพราะจะน้ำหนักกดเบาที่สุด แล้วทาครีมไล่ตามแนวโครงกระดูกเบ้าตา อาจจะเริ่มที่หัวตาหรือหางตาก่อนก็ได้ แล้ววนครีมรอบๆ ดวงตาจะวนเข้าหรือวนออกก็ได้ตามถนัด แต่ต้องวนไปในทิศทางเดียวกันทั้งสองข้าง
การทาครีมบริเวณลำคอ ควรใช้ปริมาณเนื้อครีมเท่ากับที่ใบหน้า โดยเริ่มทาจากบริเวณที่กว้างที่สุดของลำคอก่อนคือ บริเวณฐานลำคอแล้วใช้ปลายนิ้วทั้งหมดค่อยๆ ลูบไล้ขึ้น ไม่ควรทาลง เพราะจะทำให้ผิวบริเวณลำคอหย่อนยานไปตามแนวโน้มถ่วงของโลก ทำให้เกิดรอยย่นได้
การทาครีมบริเวณหน้าอก อาจจะใช้ครีมที่เหลือจากลำคอ ทาลูบไล้ในช่วงอกต่อไปได้ โดยการใช้ปลายนิ้วลูบไล้เพียงเบาๆ และวนให้ทั่วแผ่นอก เพื่อการซึมซับของเนื้อครีมสู่ผิว แล้วค่อยไล่ทาไปที่หน้าท้องและส่วนหลัง
การทาครีมบริเวณแขน จะเริ่มต้นที่ต้นแขนด้านท้องแขนก่อน แล้วทาวนขึ้นหลังแขน โดยการใช้ปลายนิ้วลูบไล้เพียงเบาๆ เพื่อการซึมซับของเนื้อครีมสู่ผิว
การทาครีมบริเวณขาและเท้า จะ เริ่มต้นที่ต้นขาก่อน แล้วทาวนจากด้านต้นขาไปปลายขา โดยการใช้ปลายนิ้วลูบไล้เพียงเบาๆ เพื่อการซึมซับของเนื้อครีมสู่ผิว ควรจะเน้นบริเวณหน้าแข้งสองข้างให้มาก เพราะบริเวณนี้จะแห้งได้ง่าย ส่วนบริเวณเท้าควรทาทั้งสองด้าน คือ หลังเท้าและฝ่าเท้า พร้อมทำการนวดไปทั่วอุ้งเท้า เพื่อผ่อนคลายการ
Read More...
Summary only...
หลังจากแต่งหน้ามาตลอดทั้งวันแล้ว ต้องทำความสะอาดใบหน้าเพื่อขจัดสิ่งแปลกปลอมบนใบหน้า เช่น เครื่องสำอาง การล้างหน้าให้สะอาดเป็นวิธีที่ดีที่สุด การล้างหน้านั้นต้องล้างให้ถูกวิธี หากล้างไม่ถุกวิธีใบหน้าอันสุดหวงของเราอาจะเกิดความเสียหายได้
ล้างหน้าอย่างไรให้ผิวหน้าใสตลอดวัน
เทคนิคการล้างหน้าที่ถูกวิธีเป็นอีกเคล็ดลับหนึ่งที่จะให้คุณมีผิวหน้าที่สวย แต่รู้ไหมว่าควรจะล้างหน้าวันละกี่รอบ? รอบละกี่ครั้ง? ล้างอย่างไรถูซ้ายไปขวาหรือล่างขึ้นบน? ล้างด้วยสบู่หรือเจลหรือโฟมล้างหน้ากันดี? คำตอบอยู่ทางนี้
การล้างหน้าวันละ 2 ครั้งก็เพียงพอ คือการล้างหน้าตอนเช้าและเวลาที่อาบน้ำตอนเย็น ไม่ควรล้างหน้าบ่อยครั้งเพราะจะทำให้ผิวหน้าแห้งและลอกได้ กรณีที่ผิวของคุณสกปรกจริง ๆ เช่น หลังเล่นกีฬา ทำสวน ทำไร่ ปลูกต้นไม้ หรือคุมงานก่อสร้าง ซ่อมแซมบ้าน ก็อาจจะเพิ่มการล้างหน้ารอบพิเศษอีกสักครั้งก็ได้
เวลาล้างก็ต้องลูบไล้แต่เบามือ ไม่เช็ด ไม่ถู ไม่ควรใช้คลีนเซอร์หรือเอ็กซเทอร์นอลเช็ดหน้าเพราะจะทำให้ผิวถลอกลอกได้ หากถู ล้างหน้าแรงๆ จะเป็นการทำร้ายหน้าของคุณเอง การล้างหน้าบ่อย ๆ บางท่านอาจจะคิดว่าดี แต่เป็นความเข้าใจที่ผิด และมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับผิวหน้าตามมา วิธีที่ถูกต้องและสมควรทำมากที่สุด คือ "ยุ่งกับผิวให้น้อยที่สุด"
ถ้ามีเครื่องสำอางค์รองพื้น หากเครื่องสำอางค์ไม่ได้กันน้ำ คุณก็สามารถเลือกใช้สบู่เจลใสอ่อน ๆ ของเบบี้หรือของผู้ใหญ่ก็ใช้ได้ เลือกประเภทที่เหมาะกับประเภทผิวของตัวเอง จะได้ผลและมีประสิทธิภาพมากที่สุด เวลาล้างก็ลูบไล้ เบา ๆ ทั่วหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าอย่างเบามือ แค่นี้ใบหน้าก็สะอาดใสอย่างใจต้องการ
หลังล้างหน้าให้ซับเบา ๆ ไม่เช็ด ไม่ถู ผิวจะได้ไม่หยาบกร้านและใช้โทนเนอร์เช็ดหน้าเบาๆ หากล้างหน้าเสร็จแล้วรู้สึกลื่น ๆ เหมือนไม่เกลี้ยง ซับหน้าเบา ๆ ด้วยผ้าขนหนู ไม่ต้องไปวิตกจริตว่ามันจะลงไปอุดตันทำให้เกิดสิว หากจะเป็นสิวก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดจากฮอร์โมนเพศในตัวคุณเอง
โดยสรุปแล้ว ให้ล้างหน้าเบา ๆ เช้าครั้งเย็นหน ใช้สบู่เหลว ลูบไล้เบา ๆ เอาแค่พอลื่น ๆ ไม่ต้องสะอาดเอี่ยมอ่องนะ แล้วก็ซับหน้าเบา ๆ ตามด้วยโทนเนอร์อีกนิด แค่นี้หน้าของคุณก็สะอาดใสไปตลอดทั้งวัน
Read More...
Summary only...
เคล็ดลับ..การแต่งหน้าครั้งแรก
วันนี้มีเคล็ดลับการแต่งหน้าแบบง่าย ๆ มาฝาก
1. ล้างหน้าให้สะอาดก่อนการแต่งหน้าทุกครั้ง
ก่อนที่จะแต่งหน้าทุกครั้ง สิ่งที่ต้องปฏิบัติจนเป็นนิสัย คือการล้างหน้าให้สะอาด โดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า เช็ดเครื่องสำอาง และสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ที่ผิวหน้าออกให้หมดก่อน จากนั้นก็ล้างหน้าตามปกติ ซับหน้าให้แห้ง ก่อนการแต่งหน้า
2. ทาครีมบำรุงผิวก่อนลงครีมรองพื้นก่อนการแต่งหน้าทุกครั้ง
หลังล้างหน้าเสร็จแล้วให้ลืมทาครีมบำรุงผิวก่อนการแต้งหน้า (ครีมที่คุณใช้อยู่ทุกวันนั่นแหละ) แล้วตามด้วย ครีมรองพื้น เพื่อปรับสีผิวบนใบหน้าให้เรียบเนียนเสมอกัน โดยแตะครีมรองพื้นตรงบริเวณที่ไม่มีริ้วรอยก่อน แล้วค่อย ๆ เกลี่ยไล่ให้ทั่ว ระวังอย่าให้มีขอบบริเวณกรอบหน้า ควรเกลี่ยรองพื้นให้หายเข้าไปในไรผมรวมถึงบริเวณริมฝีปากด้วย (อาจใช้เฉพาะผู้ที่มีสีผิวที่ไม่เสมอกัน) ส่วนในการเลือกครีมรองพื้น ก็ควรเลือกสีที่ใกล้เคียงกับสีผิวบริเวณคอให้มากที่สุด
3. ตามด้วยแป้งฝุ่น หรือแป้งแข็ง
สำหรับที่เลือกใช้แป้งฝุ่นในการแต่งหน้า ก็ควรเลือกแป้งฝุ่นชนิดโปร่งแสง เพราะจะไม่ทำให้สีของรองพื้นที่เลือกแล้วเปลี่ยนเป็นขาวขึ้นหรือคล้ำลง ในการทาแป้งให้ใช้พัฟหรือแปรงด้ามใหญ่สุดจุ่มแป้งฝุ่นหรือแป้งแข็งแล้ว เกลี่ยบนใบหน้าให้ทั่ว
4. เขียนคิ้ว
ก่อนที่จะเริ่มเขียนคิ้ว เราก็ต้องกันคิ้วให้ได้รูปทรงที่สวยงามเสียก่อน จากนั้นก็เขียนคิ้วได้ การแต่งหน้าไม่ควรเลือกดินสอเขียนคิ้วสีดำ เพราะจะทำให้หน้าดุ และดูสูงวัย ลองเปลี่ยนเป็นดินสอเขียนคิ้วสีน้ำตาล จะทำให้ดูเป็นธรรมชาติขึ้นกว่า
5. สีตาด้วยอายแชโดว์
ก่อนที่จะทาอายแชโดว์ในการแต่งหน้าควรแตะแป้งฝุ่นบริเวณใต้ตาเสียก่อน จากนั้นก็เลือกสีที่ต้องการทา โดยใช้สีที่อ่อน เช่น สีขาว สีครีม สีชมพูอ่อน ๆ ทาให้ทั่วเปลือกตา ถ้าใส่เสื้อผ้าสีโทนร้อนควรใช้อายแชโดว์สีส้มเกลี่ยจากแนวหางตามาทางหัวตา แล้วใช้อายแชโดว์สีน้ำตาลเกลี่ยชิดแนวขอบตา เริ่มจากหางตาเข้ามากึ่งกลางตา ขอบตาล่างก็ควรทำเช่นเดียวกันเพื่อให้เกิดความสมดุลแห่งสีสัน แต่ถ้าใส่เสื้อผ้าสีโทนเย็นควรใช้อายแชโดว์สีชมพูหรือม่วง แล้วใช้อายแชโดว์สีน้ำเงินหรือสีเทาเกลี่ยชิดแนวขอบตา
6. ปัดขนตา
ในปัจจุบันก็มีมาสคาร่ามากมายหลายแบบให้เราได้เลือกในการแต่งหน้า ทั้งชนิด เพิ่มความยาวให้กับขนตา เพิ่มความหนา และแบบธรรมดา สำหรับสาวที่มีขนตายาว งอน สวยเป็นทุน ก่อนที่จะปัดมาสคาร่าในแต่ละครั้ง สำหรับผู้ที่มีขนตาเป็นเส้นตรง ไม่โค้งงอน ก็ต้องเพิ่มความอ่อนหวานกันสักหน่อย โดยการดัดขนตา แต่ไม่ควรที่จะกดแรงเกินไป เพราะขนตาอาจจะขาดได้ หลังจากนั้นก็เลือกมาสคาร่าสีที่เข้ากับอายแชโดที่เราทาลงไป หรือจะเป็นสีน้ำตาลเข้มก็ ดูเป็นธรรมชาติดี โดยเริ่มปัดจากโคนขนตาด้านบน ไล่ขึ้นมาจนถึงปลาย แล้วก็อย่าลืมที่จะปัดขนตาล่างด้วยล่ะ
7. ปัดแก้มให้ดูมีเลือดฝาด
วิธีการแต่งแต้มพวงแก้มของคุณให้เป็นสาวสุขภาพดีก็ถือเป็นส่วนสำคัญในการแต่งหน้า หากจะทำให้แก้มดูมีเลือดฝาด ต้องเริ่มจากการใช้แปรงขนนุ่มขนาดใหญ่ ไล้สีตรงส่วนที่กินบริเวณมากที่สุดของแก้มคุณ ก็คือใต้โหนกแก้ม หรือสันแก้มตรงตำแหน่งใต้ตา จากนั้นยิ้มให้กับตัวเองในกระจก และปัดไล่ขึ้นตามแนวสันแก้มขึ้นไปหาขมับ เกลี่ยสีให้กลมกลืนกับสีผิวขึ้นไปหาแนวตีนผม เพื่อให้ละเมียดละไมเป็นธรรมชาติ แต่อย่าปัดให้ดูแดงเกินไปจนเหมือนโดนตบล่ะ
8. แต่งเติมสีที่เรีนวปากเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ขั้นตอนสุดท้ายของการ
แต่งหน้าก็เป็นการแต่งแต้มเรียวปากของคุณ ให้ดูเป็นสาวสุขภาพดี ซึ่งลิปสติกเดี๋ยวนี้ก็มีออกมามากมายหลายแบบให้เราได้เลือก ทั้งลิปสติก ลิปกลอส ลิปปาล์ม หรือลิปทินท์ (Lip Tint) ซึ่งก่อนที่จะทาลิปในแต่ละครั้งก็ควรที่จะทาลิปปาล์มก่อน เพื่อเพิ่มความชุมชื้นให้กับริมฝีปาก จากนั้นจึงตามด้วยลิปกลอส หรือลิปสติก ส่วนลิปทินท์นั้น เป็นลิปเนื้อเหลวคล้ายๆกับลิปกลอส แต่ว่ามีความเหนียวน้อยกว่า ใช้แตะริมฝีปากพอให้เห็นสีบางๆ และยังเห็นพื้นผิวของริมฝีปากอยู่ ก็จะทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
Read More...
Summary only...